7 เทคนิค ในการบริหาร Spare part สำหรับงานซ่อมบำรุง
การบริหาร Spare Part หรือชิ้นส่วนอะไหล่ สำหรับงานซ่อมบำรุงเป็นสิ่งสำคัญในการจัดการทรัพยากรเพื่อให้การซ่อมบำรุงดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดเวลาหยุดชะงัก (Downtime) ของเครื่องจักร ซึ่งเป็นข้อสำคัญของการกระบวนการผลิต ซึ่งในวันนี้เราจะนำเสนอ 7 เทคนิคการบริหาร Spare part สำหรับงานซ่อมบำรุง มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

มีผลิตภัณฑ์หลากหลายในตลาดที่ใช้สีผสมอาหาร โดยเฉพาะในผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการแปรรูป เช่น แฮม ไส้กรอก เบคอน และแช่แข็งเนื้อสัตว์ ซึ่งสีผสมอาหารที่ใช้จะต้องได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานด้านอาหารเพื่อให้มั่นใจว่าไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ตัวอย่างของสีผสมอาหารที่ใช้ในอุตสาหกรรมแปรรูปเนื้อสัตว์ ได้แก่:
1. การจัดหมวดหมู่ Spare Part
การแบ่งประเภทของอะไหล่ตามความสำคัญและความจำเป็นช่วยในการจัดการสต็อกให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ชิ้นส่วนสำคัญ (Critical Spare Part)
เป็นชิ้นส่วนที่ต้องมีในสต็อกเสมอ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการผลิตหากขาด เช่น มอเตอร์, เซนเซอร์
ชิ้นส่วนทั่วไป (Non-Critical Spare Part)
ใช้งานไม่บ่อย และมีเวลาสั่งซื้อเพียงพอก่อนใช้งาน เช่น อุปกรณ์ไฟฟ้าทั่วไป
ชิ้นส่วนที่หมดอายุได้ (Perishable Spare Part)
น้ำมันหล่อลื่น, กรองอากาศ ที่ต้องเปลี่ยนตามรอบเวลา
2. การวางแผนความต้องการ Spare Part
วิเคราะห์ข้อมูลการใช้งาน
ใช้ข้อมูลจากประวัติการซ่อมบำรุงเพื่อคาดการณ์ความต้องการชิ้นส่วน
ตั้งค่าระดับการเก็บสต็อก (Reorder Point)
กำหนดจุดที่ควรสั่งซื้อชิ้นส่วนใหม่ เพื่อป้องกันการขาดแคลน
จัดทำแผนสำรอง
สำหรับชิ้นส่วนที่ใช้บ่อย หรือใช้ในกรณี
3. การจัดการคลัง Spare Part
ใช้ระบบจัดการ (Inventory Management System)
ใช้ซอฟต์แวร์ CMMS หรือ ERP เพื่อบันทึกจำนวน, ตำแหน่งเก็บ และสถานะของชิ้นส่วน
การจัดเรียงอย่างเป็นระบบ
แบ่งโซนการเก็บตามหมวดหมู่ เช่น หมวดอุปกรณ์ไฟฟ้า, หมวดชิ้นส่วนเครื่องจักร
ตรวจสอบสต็อกเป็นประจำ
ทำการตรวจนับ (Cycle Count) เพื่อให้ข้อมูลคลังตรงกับความเป็นจริง
4. การพยากรณ์และวางแผนการจัดซื้อ
พิจารณา Lead Time
เวลาที่ใช้ในการสั่งซื้อและจัดส่งชิ้นส่วนต้องสอดคล้องกับความเร่งด่วนในการใช้งาน
สั่งซื้อแบบรวม (Bulk Order)
ลดต้นทุนต่อชิ้น และประหยัดค่าขนส่ง
บริหาร Supplier
เลือกซัพพลายเออร์ที่เชื่อถือได้ และมีเงื่อนไขการจัดส่งที่เหมาะสม
5. การวิเคราะห์ต้นทุนและการควบคุมงบประมาณ
วิเคราะห์ค่าใช้จ่าย Spare Part
ตรวจสอบว่าการเก็บสต็อกมีต้นทุนเท่าไร และมีการใช้งานอย่างคุ้มค่าหรือไม่
ลดต้นทุนส่วนเกิน
ใช้ชิ้นส่วนที่สามารถทดแทนกันได้ หรือปรับลดจำนวนชิ้นส่วนที่ไม่จำเป็นในสต็อก
จัดทำรายงานประจำเดือน
สรุปข้อมูลการใช้ชิ้นส่วนและต้นทุน เพื่อตรวจสอบความคุ้มค่า
6. การบำรุงรักษา Spare Part
การตรวจสอบสภาพ
ตรวจสอบชิ้นส่วนที่มีความเสี่ยงเสียหาย เช่น เก็บในที่ที่มีความชื้นต่ำสำหรับอะไหล่ที่ไวต่อสภาพอากาศ
กำหนดรอบเปลี่ยนชิ้นส่วน
วางแผนการเปลี่ยนชิ้นส่วนตามรอบระยะเวลาที่เหมาะสม (Preventive Maintenance)
7. การจัดการกรณีฉุกเฉิน
ชิ้นส่วนสำรองสำหรับฉุกเฉิน
เก็บชิ้นส่วนที่สำคัญและจำเป็นต่อการซ่อมบำรุงเร่งด่วน
ทีมรับมือฉุกเฉิน
เตรียมทีมและแผนงานเพื่อรับมือกับสถานการณ์หยุดชะงัก

บริษัท ร่วมพัฒน์ จำกัด มีความเชี่ยวชาญและชำนาญในการซ่อมบำรุงและดูแลทุกๆเครื่องจักรที่เราจำหน่าย เรารับประกันเครื่องจักรทุกเครื่องเป็นระยะเวลา1ปี ลูกค้าของเราไม่จำเป็นต้องกังวลในส่วนของการบริหารจัดการ Spare part เพราะเราพร้อมให้บริการและให้คำปรึกษาคุณอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าของเราในการก้าวไปพร้อมกันสู่ “NEXT STEP TO PREMIUM QUALITY”
บริษัท ร่วมพัฒน์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรผลิตอาหารชั้นนำ
ด้วยการร่วมมือระหว่างผู้ผลิตเครื่องจักรในยุโรป นำเสนอเครื่องจักรและโซลูชั่น ที่ตอบสนอง
ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจ SME จนถึงอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่
“NEXT STEP TO PREMIUM QUALITY“
หรือคลิก Line ที่นี่ >>> https://page.line.me/712endog
โทร: +662-6357755