เลือกเครื่องบรรจุภัณฑ์อย่างไร ให้เหมาะกับสินค้าและโรงงาน

ในยุคที่การแข่งขันทางธุรกิจอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภคสูงขึ้น การเลือกเครื่องบรรจุภัณฑ์ ที่เหมาะสมกับสินค้าและโรงงานกลายเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังเพิ่มคุณภาพและมูลค่าของสินค้า วันนี้เราจะมาแนะนำแนวทางในการเลือกเครื่องบรรจุภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ
1. วิเคราะห์ประเภทสินค้าให้ชัดเจน
ก่อนจะซื้อเครื่องบรรจุภัณฑ์ คุณต้องรู้ว่า สินค้าของคุณคืออะไร เพราะสินค้าต่างประเภทต้องใช้เทคโนโลยีการบรรจุที่แตกต่างกัน
• ของเหลว เช่น น้ำผลไม้ น้ำสลัด ต้องใช้เครื่องบรรจุแบบเติมของเหลว (Liquid Filling Machine)
• ของแห้ง เช่น ขนมกรุบกรอบ เมล็ดกาแฟ ต้องใช้เครื่องบรรจุแบบเติมผงหรือเม็ด (Powder & Granule Filling Machine)
• อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เนื้อหมัก ต้องใช้เครื่องบรรจุแบบ Vacuum หรือ Thermoforming
• ของแห้ง เช่น ขนมกรุบกรอบ เมล็ดกาแฟ ต้องใช้เครื่องบรรจุแบบเติมผงหรือเม็ด (Powder & Granule Filling Machine)
• อาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก เนื้อหมัก ต้องใช้เครื่องบรรจุแบบ Vacuum หรือ Thermoforming

เคล็ดลับ : ยิ่งวิเคราะห์สินค้าละเอียด เช่น ความหนืด ความเปราะ หรืออายุการเก็บรักษา ก็ยิ่งช่วยให้เลือกเครื่องได้ตรงจุด
2. ประเมินปริมาณการผลิตของโรงงาน
การเลือกเครื่องบรรจุภัณฑ์ต้องสอดคล้องกับ กำลังการผลิต ของโรงงาน
• โรงงานขนาดเล็ก → เครื่องบรรจุขนาดเล็กหรือกึ่งอัตโนมัติ
• โรงงานขนาดกลาง → เครื่องอัตโนมัติที่รองรับหลายขนาดแพ็ก
• โรงงานขนาดใหญ่ → เครื่องบรรจุเชิงอุตสาหกรรมแบบ High-speed
• โรงงานขนาดกลาง → เครื่องอัตโนมัติที่รองรับหลายขนาดแพ็ก
• โรงงานขนาดใหญ่ → เครื่องบรรจุเชิงอุตสาหกรรมแบบ High-speed

เคล็ดลับ : จำไว้ว่า ซื้อเครื่องใหญ่เกินไปอาจสิ้นเปลืองพื้นที่และต้นทุน ส่วนเครื่องเล็กเกินไปอาจผลิตไม่ทันความต้องการ
3. เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม
เครื่องบรรจุแต่ละประเภทมีเทคโนโลยีเฉพาะตัว ที่เหมาะกับสินค้าบางชนิด
• Vacuum Packaging – เหมาะกับอาหารแปรรูป ลดการเสียหายและยืดอายุสินค้า
• Modified Atmosphere Packaging (MAP) – เหมาะกับเนื้อสัตว์หรือผักสด เพื่อรักษาความสด
• Thermoforming Packaging – เหมาะกับสินค้าแช่เย็นและอาหารพร้อมทาน
• Modified Atmosphere Packaging (MAP) – เหมาะกับเนื้อสัตว์หรือผักสด เพื่อรักษาความสด
• Thermoforming Packaging – เหมาะกับสินค้าแช่เย็นและอาหารพร้อมทาน


เคล็ดลับ : เลือกเทคโนโลยีให้ตรงกับสินค้า จะช่วยเพิ่มคุณภาพและลดของเสีย
4. พิจารณาค่าใช้จ่ายและความคุ้มค่า
เครื่องจักรราคาแพงไม่ได้หมายความว่าดีที่สุด ต้องคำนึงถึง
• ต้นทุนต่อหน่วย ของสินค้า
• ค่าบำรุงรักษา
• อายุการใช้งาน
• ความสามารถในการปรับขนาดสายการผลิตในอนาคต
• ค่าบำรุงรักษา
• อายุการใช้งาน
• ความสามารถในการปรับขนาดสายการผลิตในอนาคต


เคล็ดลับ : การลงทุนอย่างชาญฉลาด คือเลือกเครื่องที่คุ้มค่าในระยะยาว ไม่ใช่แค่ราคาต่ำสุด
5. รองรับอนาคตและการขยายธุรกิจ
สุดท้าย ต้องเลือกเครื่องที่ ยืดหยุ่นและรองรับการเติบโต
• ปรับขนาดแพ็กเกจได้หลายรูปแบบ
• รองรับสินค้าใหม่ในอนาคต
• เชื่อมต่อกับระบบอัตโนมัติหรือ ERP
• เครื่องจักรที่สามารถปรับตัวได้จะช่วยให้ธุรกิจไม่ล้าหลังและพร้อมต่อยอด
• รองรับสินค้าใหม่ในอนาคต
• เชื่อมต่อกับระบบอัตโนมัติหรือ ERP
• เครื่องจักรที่สามารถปรับตัวได้จะช่วยให้ธุรกิจไม่ล้าหลังและพร้อมต่อยอด




การเลือกเครื่องบรรจุภัณฑ์ไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณเริ่มจากการ วิเคราะห์สินค้า ประเมินกำลังการผลิต เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสม และคิดถึงอนาคต เครื่องจักรที่ตอบโจทย์จะช่วยให้สินค้าออกสู่ตลาดได้อย่างมีคุณภาพ ลดต้นทุน และเพิ่มกำไร
บริษัท ร่วมพัฒน์ จำกัด ตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรผลิตอาหารชั้นนำด้วยการร่วมมือระหว่างผู้ผลิตเครื่องจักรในยุโรป นำเสนอเครื่องจักรและโซลูชั่น ที่ตอบสนอง ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ธุรกิจ SME จนถึงอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่
“NEXT STEP TO PREMIUM QUALITY“
ติดต่อสอบถาม : Ruampat ร่วมพัฒน์ นำเข้าเครื่องจักรผลิตอาหารครบวงจร
TEL : +662-6357755